การทำงานโดยใช้ไฟฟ้าจะปลอดภัยเมื่อผู้ปฏิบัติงานระบุและควบคุมอันตรายได้อย่างเหมาะสม แต่การฝึกอบรมที่ไม่เพียงพอ การขาดประสบการณ์และความล้มเหลวในการรับรู้ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นอาจส่งผลให้เกิดไฟฟ้าช็อตหรือเสียชีวิตได้
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการก่อสร้างมักตกอยู่ในอันตรายจากไฟฟ้ามากที่สุด โดยคิดเป็น 52% ของการเสียชีวิตจากไฟฟ้าทั้งหมดในสถานที่ทำงานของสหรัฐอเมริกา เหตุการณ์และการเสียชีวิตเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับสายไฟฟ้าเหนือศีรษะ และการสัมผัสกับเครื่องจักร เครื่องมือ และวัตถุโลหะที่ถือด้วยมือ
ความปลอดภัยในการทำงานกับไฟฟ้า คืออะไร
ความปลอดภัยทางไฟฟ้า คือ แนวปฏิบัติทั่วไปของผู้ปฏิบัติงานที่ต้องดูแลและบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า เป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อลดอันตรายจากไฟฟ้าและป้องกันผลกระทบที่เป็นอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ การไม่ปฏิบัติตามความปลอดภัยทางไฟฟ้าอาจนำไปสู่อุบัติเหตุ เกือบพลาด หรือแม้แต่เสียชีวิตได้
ข้อควรระวังในการทำงานกับไฟฟ้า
ข้อควรระวังด้านความปลอดภัยทางไฟฟ้าเป็นมาตรการควบคุมเฉพาะ ที่นำมาใช้เพื่อขจัดอันตรายจากไฟฟ้าและลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุทางไฟฟ้าและการบาดเจ็บ ข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัยในการทำงานกับไฟฟ้าขึ้นอยู่กับคำแนะนำในการทำงานของพนักงานและสภาพแวดล้อมในการทำงาน อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้าขั้นพื้นฐาน ได้แก่
- การทำความเข้าใจอย่างชัดเจนว่าไฟฟ้าทำงานอย่างไร
- การระบุและกำจัดอันตรายจากไฟฟ้าให้หมดไป
- การขาดการดูแลและทำความสะอาดที่เหมาะสม
- การสวมใส่ PPE ที่เหมาะสม
- ผู้ปฏิบัติงานจะต้องผ่านการอบรมไฟฟ้าตามกฎหมายก่อนเริ่มทำงาน
อุปกรณ์ความปลอดภัยทางไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลเฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องพนักงานจากอันตรายทางไฟฟ้า โดยทั่วไปอุปกรณ์ความปลอดภัยทางไฟฟ้าที่ใช้มากที่สุดคือเครื่องมือและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น ถุงมือ ฉนวน และบันไดที่หุ้มฉนวน ควรใช้อุปกรณ์ความปลอดภัย เมื่อทำการทดสอบทางไฟฟ้า งานซ่อมแซม การติดตั้ง งานเครื่องจักร หรือการบำรุงรักษาบางประเภท เช่น แฟลชอาร์ค และการต่อสายดิน เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้นการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าได้รับการรับรองหรือได้รับมาตรฐานถูกต้องหรือไม่เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นอีกชั้นหนึ่ง
อันตรายจากไฟฟ้าทั่วไปในที่ทำงานและคำแนะนำด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า
- สายไฟฟ้าเหนือศีรษะสายไฟฟ้าที่จ่ายไฟและจ่ายพลังงานจะมีไฟฟ้าแรงสูงซึ่งอาจทำให้เกิดการลุกไหม้และไฟฟ้าช็อตแก่ผู้ปฏิบัติงานได้ ต้องรักษาระยะห่างอย่างน้อย 10 ฟุตจากสายไฟเหนือศีรษะและอุปกรณ์ใกล้เคียง ทำการสำรวจเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดถูกเก็บไว้ใต้สายไฟฟ้าเหนือศีรษะ นอกจากนี้ยังต้องติดตั้งแผงกั้นและป้ายเพื่อความปลอดภัยเพื่อเตือนพนักงานไม่ให้เข้าใกล้ในบริเวณพื้นที่ที่เป็นอันตราย
- เครื่องมือและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสียหายการสัมผัสกับเครื่องมือและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสียหายอาจเป็นอันตรายได้ อย่าแก้ไขอะไรจนกว่าคุณจะมีคุณสมบัติเพียงพอ ในการตรวจสอบรอยแตก การตัด หรือรอยถลอกบนสายเคเบิล สายไฟ ในกรณีที่มีข้อบกพร่องให้ต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ ต้องดำเนินการตามขั้นตอน Lock Out Tag Out (LOTO) ตลอดเวลาก่อนที่จะเริ่มการบำรุงรักษาและซ่อมแซมเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า
- สายไฟไม่เหมาะสมและวงจรโอเวอร์โหลดการใช้สายไฟที่มีขนาดไม่เหมาะสมกับกระแสไฟฟ้า อาจทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไปและเกิดไฟไหม้ได้ ใช้สายไฟที่ถูกต้องเหมาะสมกับการทำงานและเหมาะสมกับโหลดไฟฟ้า ใช้สายไฟที่ถูกต้องที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานหนัก นอกจากนี้อย่าจ่ายไฟเกินพิกัดของเต้าเสียบและใช้เบรกเกอร์ที่เหมาะสม
- การต่อสายดินที่ไม่เหมาะสมการต่อสายดินของอุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย การต่อลงดินที่เหมาะสมสามารถกำจัดแรงดันไฟฟ้าที่ไม่ต้องการและลดความเสี่ยงของไฟฟ้าช็อตได้ ห้ามถอดพินกราวด์ที่เป็นโลหะเนื่องจากมีหน้าที่ในการคืนแรงดันไฟฟ้าที่ไม่ต้องการกลับคืนสู่กราวด์
- ฉนวนที่ชำรุดฉนวนที่ชำรุดหรือไม่เพียงพอเป็นอันตรายได้ หากพบว่าฉนวนเสียหายต้องรีบรายงานและดำเนินการแก้ไขทันที โดยต้องปิดแหล่งพลังงานทั้งหมดก่อนเปลี่ยนฉนวนที่เสียหาย และอย่าพยายามปิดด้วยเทปพันสายไฟ
- อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีสภาพเปียกห้ามใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าในบริเวณที่เปียกชื้น เพราะน้ำจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกไฟฟ้าดูดโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอุปกรณ์มีฉนวนที่ชำรุด ต้องให้ช่างไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เปียกน้ำก่อนจ่ายไฟทุกครั้ง
สรุป
การทำงานกับไฟฟ้าสามารถเกิดอันตรายได้ตลอดเวลา ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ความเข้าใจในงานที่ทำ และต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะสามารถทำงานกับไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย และในการทำงานกับไฟฟ้าต้องมีขั้นตอนในการทำงานที่ปลอดภัยและอบรมให้ผู้ปฏิบัติงานรับทราบด้วย รวมถึงการนำระบบ LOTO เข้ามาใช้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกับผู้ปฏิบัติงาน