การใช้งานรถยก (Forklift) เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญในการขนย้ายและจัดการวัสดุในหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น คลังสินค้า, โรงงาน, และพื้นที่ก่อสร้าง การใช้รถยกอย่างถูกต้องและปลอดภัยสามารถช่วยลดอุบัติเหตุและความเสียหายต่อทรัพย์สินได้ ในบทความนี้จะพูดถึงการใช้งานรถยกอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงข้อควรระวังที่ผู้ขับขี่รถยกต้องปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัย
วิธีการขับขี่รถยกอย่างถูกต้อง
การขับขี่รถยกต้องเริ่มจากการมีความรู้และการฝึกอบรมที่เหมาะสม การใช้งานรถยกในสถานที่ทำงานต้องมีการตรวจสอบและปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อให้การทำงานมีความปลอดภัยมากที่สุด
1. ฝึกอบรมให้กับพนักงานที่ต้องใช้งานโฟล์คลิฟท์
ผู้ที่ขับขี่รถยกต้องได้รับการฝึกอบรมโฟล์คลิฟท์ ตามประเภทรถยกที่ใช้งาน ตามกฎหมายใหม่และมีใบอนุญาตขับขี่รถยกที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากการขับขี่รถยกต้องใช้ทักษะเฉพาะในการควบคุมรถยกและการขนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก การฝึกอบรมจะช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าใจวิธีการใช้งานอย่างปลอดภัย รวมถึงการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น
- อ่านเพิ่มเติม : 11 ประเภทรถยกที่ต้องจัดให้มีการอบรม
2. ตรวจสอบรถยกก่อนใช้งาน
การตรวจสอบสภาพรถยกก่อนการใช้งานทุกครั้งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ผู้ขับขี่ต้องตรวจสอบว่าเครื่องยนต์ทำงานได้ปกติ ระบบเบรกมีประสิทธิภาพ ยางรถยกไม่เสื่อมสภาพ และน้ำมันเครื่องมีระดับเพียงพอ หากพบปัญหาหรือความผิดปกติใดๆ ควรหยุดใช้งานและรายงานให้ผู้รับผิดชอบทราบทันที (Department of Occupational Safety and Health, 2021) การใช้งานรถที่มีสภาพไม่สมบูรณ์อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือทำให้การทำงานไม่ราบรื่น
- อ่านเพิ่มเติม : รายการตรวจสอบรถยกก่อนใช้งาน
3. เทคนิคการบรรทุกสิ่งของ
การบรรทุกสิ่งของบนรถยกต้องทำอย่างระมัดระวัง ควรตรวจสอบพิกัดน้ำหนักที่รถยกสามารถรับได้ โดยไม่บรรทุกเกินพิกัดที่กำหนดไว้ในคู่มือการใช้งาน การบรรทุกเกินน้ำหนักที่กำหนดสามารถทำให้รถยกล้มได้ และอาจเกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์หรือทรัพย์สินอื่นๆ (Goh & Toh, 2019) นอกจากนี้ การจัดวางสิ่งของให้สมดุลและมั่นคงเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากการจัดสิ่งของไม่ดีอาจทำให้เกิดการล้มทับหรืออุบัติเหตุได้
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อต้องใช้งานรถยก
การใช้งานรถยกไม่เพียงแค่การควบคุมเครื่องจักร แต่ยังเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามข้อควรระวังหลายประการเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
1. ความปลอดภัยของผู้ขับขี่และบุคคลรอบข้าง
ผู้ขับขี่รถยกต้องใส่ใจความปลอดภัยทั้งของตัวเองและบุคคลอื่นในพื้นที่ทำงาน การใช้แตรเพื่อให้สัญญาณเมื่อเลี้ยว, ถอยหลัง, หรือข้ามทางแยกเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่สามารถมองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้ นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ต้องไม่ขับรถด้วยความเร็วเกินไป ควรใช้ความเร็วที่เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวถนน, น้ำหนักบรรทุก, และสภาพบริเวณทำงาน (Safety and Health Executive, 2018)
2. การติดตั้งสัญญาณเตือนภัย
รถยกที่ใช้งานในพื้นที่ที่มีคนทำงานใกล้เคียง ควรติดตั้งสัญญาณเตือนภัย เช่น ไฟเตือนรถยก หรือเสียงสัญญาณรถยกที่สามารถแจ้งเตือนบุคคลอื่น เมื่อมีการใช้งานรถยกในพื้นที่ดังกล่าว การมีสัญญาณเตือนภัยสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ (Zhang et al., 2017)
3. การตั้งเส้นทางเดินรถยก
ในพื้นที่ทำงานที่มีการใช้รถยกควรกำหนดเส้นทางเดินรถยกอย่างชัดเจน เช่น การตีเส้นช่องทางเดินรถในอาคารหรือพื้นที่ที่มีการใช้งานรถยกอย่างสม่ำเสมอ การมีเส้นทางที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนจะช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่หลงทางและสามารถขับรถได้อย่างปลอดภัย (Chang & Tsai, 2020)
4. ไม่ทำสิ่งที่อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย
ผู้ขับขี่ไม่ควรยืนหรือทำงานใต้รถยกที่กำลังทำงาน เนื่องจากการตกหล่นของสิ่งของจากรถยกอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ (International Labour Organization, 2019) นอกจากนี้ยังห้ามยื่นแขน ขา หรือศีรษะออกจากรถยกขณะขับขี่ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายจากการสัมผัสกับวัตถุหรือสิ่งกีดขวางในพื้นที่ทำงาน
สิ่งที่ห้ามปฏิบัติ เมื่อขับขี่รถยก
การใช้งานรถยกมีข้อห้ามที่ผู้ขับขี่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้:
1. ห้ามให้ผู้โดยสารขึ้นบนรถยก
ผู้ขับขี่ห้ามให้ผู้โดยสารขึ้นบนรถยก เนื่องจากการขึ้นโดยสารบนรถยกไม่ปลอดภัย และอาจเกิดอุบัติเหตุได้จากการที่ผู้โดยสารไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ในขณะขับขี่ (Fell et al., 2016)
2. ห้ามขับขี่โดยไม่ระมัดระวัง
การขับขี่รถยกต้องมีความระมัดระวัง ไม่ควรขับขี่ด้วยความเร็วเกินไป หรือลงจากรถกะทันหัน เนื่องจากอาจทำให้รถเสียการควบคุมและเกิดอุบัติเหตุได้
ความสำคัญของการเลือกใช้รถยกที่เหมาะสม
นอกจากผู้ขับขี่รถยกจะต้องรูปวิธีการขับขี่รถยกอย่างถูกต้องแล้ว การเลือกใช้รถยกที่เหมาะสมกับลักษณะงานมีความสำคัญ ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุในสถานที่ทำงาน การเลือกประเภทของรถยกที่เหมาะสมไม่เพียงแต่จะช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยให้การขนย้ายวัสดุเป็นไปอย่างปลอดภัยตามพิกัดน้ำหนักที่กำหนด
1. เลือกประเภทของรถยกตามลักษณะการใช้งาน รถยกมีหลายประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น รถยกแบบตัวยก (Counterbalance Forklift), รถยกแบบแขนยืด (Reach Forklift), และรถยกแบบปีกยื่น (Side Loader Forklift) โดยรถยกแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับลักษณะงานที่แตกต่างกันออกไป
- รถยกแบบตัวยก (Counterbalance Forklift) เป็นรถยกที่นิยมใช้ในพื้นที่ที่มีขนาดกว้างและสามารถบรรทุกสินค้าที่มีน้ำหนักมากได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีรางหรือพื้นที่เฉพาะในการเคลื่อนย้าย มีความยืดหยุ่นในการใช้งานและเหมาะสมกับงานที่ต้องการการเคลื่อนย้ายในพื้นที่ที่คับแคบ
- รถยกแบบแขนยืด (Reach Forklift) เป็นรถยกที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในพื้นที่แคบหรืออาคารที่มีชั้นสูง สามารถยืดแขนยกสินค้าให้สูงขึ้นได้ จึงเหมาะสำหรับการจัดเก็บสินค้าบนชั้นเก็บที่สูง
- รถยกแบบปีกยื่น (Side Loader Forklift) เป็นรถยกที่ใช้สำหรับการขนย้ายสินค้าในพื้นที่แคบที่มีอุปสรรค เช่น การขนย้ายไม้หรือวัสดุยาว โดยมีการขนย้ายจากด้านข้างแทนที่จะเป็นจากด้านหน้า
2. เลือกใช้รถยกที่มีพิกัดน้ำหนักที่เหมาะสม หนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้รถยกคือการพิจารณาพิกัดน้ำหนักบรรทุกของรถยก ซึ่งต้องสอดคล้องกับน้ำหนักของสิ่งของที่จะยก หากใช้รถยกที่มีพิกัดน้ำหนักต่ำกว่าน้ำหนักที่ต้องการบรรทุก อาจทำให้เกิดความเสียหายทั้งกับรถยกและสิ่งของที่ยกขึ้น รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การล้มของรถยกหรือการเสียหายจากการยกสิ่งของที่เกินพิกัด
ผู้ขับขี่รถยกควรตรวจสอบพิกัดน้ำหนักที่ระบุไว้ในสเปกของรถยก และปฏิบัติตามข้อกำหนดที่กำหนดไว้ เช่น หากรถยกมีพิกัดบรรทุก 3 ตัน แต่ต้องยกสินค้าที่มีน้ำหนัก 4 ตัน จะเสี่ยงทำให้รถยกล้มและเกิดอุบัติเหตุได้
3. สภาพแวดล้อมการทำงานและสภาพถนน การเลือกใช้รถยกที่เหมาะสมต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมในการทำงานด้วย โดยในบางสถานที่อาจมีพื้นผิวที่ขรุขระหรือไม่เรียบ ทำให้จำเป็นต้องใช้รถยกที่มีล้อยางที่ทนทาน เช่น รถยกที่มีล้อที่มีคุณสมบัติพิเศษเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่มีความท้าทาย เช่น พื้นที่ที่มีการยกสิ่งของในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือการใช้งานในสถานที่กลางแจ้งที่มีฝุ่นละออง
นอกจากนี้ ในกรณีที่มีการใช้รถยกในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น หรือในพื้นที่ที่มีพื้นที่จำกัด เช่น ภายในโรงงานหรือคลังสินค้า ควรเลือกใช้รถยกที่มีขนาดกะทัดรัด เพื่อให้สามารถขับขี่ได้สะดวกและปลอดภัยภายในพื้นที่แคบ
4. เลือกใช้รถยกที่มีระบบความปลอดภัยเพิ่มเติม อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการเลือกใช้รถยกคือการพิจารณาระบบความปลอดภัยที่ติดตั้งมาในรถยก เช่น ระบบเบรกที่มีความสามารถในการหยุดรถได้อย่างทันเวลา ระบบการป้องกันการพลิกคว่ำ (Overturn Protection System) หรือระบบการเตือนภัยเมื่อรถยกเริ่มทำงานเกินพิกัด ระบบเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานรถยกและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ
5. ความสามารถในการบำรุงรักษาและการดูแลรักษา การเลือกใช้รถยกที่มีความสะดวกในการบำรุงรักษาก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ผู้ขับขี่และผู้ดูแลควรเลือกใช้รถยกที่มีการออกแบบที่สามารถตรวจสอบและซ่อมแซมได้ง่าย เช่น ระบบไฟฟ้าหรือระบบเครื่องยนต์ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ การเลือกใช้รถยกที่มีอะไหล่และบริการหลังการขายที่ดีจะช่วยให้การบำรุงรักษาและซ่อมแซมเป็นไปได้อย่างราบรื่นและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
สรุป
การใช้งานรถยกอย่างปลอดภัยไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการขับขี่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปฏิบัติตามข้อควรระวังและข้อห้ามต่างๆ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย การฝึกอบรมผู้ขับขี่, การตรวจสอบสภาพรถยก, การบรรทุกสิ่งของอย่างระมัดระวัง, การติดตั้งสัญญาณเตือนภัย, และการกำหนดเส้นทางเดินรถล้วนเป็นส่วนสำคัญในการลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุในสถานที่ทำงาน การปฏิบัติตามมาตรการเหล่านี้จะช่วยให้การใช้งานรถยกมีความปลอดภัยสูงสุดและลดการเกิดอุบัติเหตุในสถานที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
ที่ เซฟตี้.com เรามีบริการฝึกสอบขับขี่รถยก / รถโฟล์คลิฟท์ ทุกประเภทตามกฎหมายใหม่ พร้อมเดินทางจัดอบรม 77 จังหวัดทั่วประเทศ
รายละเอียด : อบรมโฟล์คลิฟท์
ติดต่อสอบถาม : (064) 958 7451 คุณแนน
อ้างอิง
Chang, Y., & Tsai, C. (2020). Safety management and hazard identification of forklifts in warehouses. Safety Science, 134, 1-9.
Department of Occupational Safety and Health. (2021). Forklift safety: Safe operation and use guidelines. OSHA.
Fell, J. C., Tiesman, H. M., & Li, G. (2016). Forklift safety: A review of the causes and prevention strategies. Accident Analysis & Prevention, 94, 215-223.
Goh, C. F., & Toh, S. K. (2019). Analysis of forklift accidents: A case study of a manufacturing plant. Industrial Safety Journal, 45(3), 214-225.
International Labour Organization. (2019). Forklift safety standards and guidelines. ILO.
National Institute for Occupational Safety and Health. (2018). Forklift safety and maintenance guidelines. NIOSH.
Safety and Health Executive. (2018). Forklift trucks: Safe operation guidelines. HSE.
Zhang, W., Wang, D., & Li, F. (2017). Study on the safety management of forklifts in the logistics industry. Journal of Safety Research, 63, 22-28.