ไฟไหม้ในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และสร้างความเสียหายรุนแรงทั้งต่อชีวิต ทรัพย์สิน และกระบวนการผลิต หลายครั้งที่อัคคีภัยเกิดจากปัจจัยที่สามารถป้องกันได้ เช่น ความร้อนจากเครื่องจักร ประกายไฟจากงานเชื่อม หรือแม้แต่สายไฟที่เสื่อมสภาพ แต่เพราะขาดมาตรการป้องกันที่รัดกุม ทำให้เหตุการณ์ลุกลามจนควบคุมไม่ทัน
ทำให้ โรงงานและสถานประกอบการจึงต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันอัคคีภัยอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิง แต่ต้องมีแนวทางลดความเสี่ยงที่รอบด้าน ตั้งแต่การออกแบบสถานที่ การอบรมพนักงาน ไปจนถึงแผนฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ
สาเหตุหลักของไฟไหม้ในโรงงาน
ไฟไหม้ในโรงงานมักเกิดจากหลายปัจจัย ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภทหลัก ได้แก่:
1. ไฟฟ้าลัดวงจร (Electrical Short Circuit) – เกิดจากสายไฟชำรุด โหลดไฟฟ้าเกิน หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุด (NFPA, 2022)
2. ความประมาทจากมนุษย์ (Human Error) – เช่น การสูบบุหรี่ในพื้นที่ห้ามสูบ หรือการใช้เครื่องมือที่ก่อประกายไฟใกล้วัสดุไวไฟ (OSHA, 2021)
3. การเก็บรักษาวัสดุไวไฟไม่เหมาะสม (Improper Storage of Flammable Materials) – เช่น การเก็บสารเคมีอันตรายไว้ในพื้นที่อับลมหรือใกล้แหล่งความร้อน (FM Global, 2023)
4. เครื่องจักรและอุปกรณ์ทำงานผิดปกติ (Machinery Malfunction) – เช่น เครื่องจักรเกิดการเสียดสีจนเกิดความร้อนสะสมและติดไฟ (NFPA, 2022)
5. งานที่เกี่ยวข้องกับความร้อน (Hot Work) – หากโรงงานมีการปฏิบัติงานที่ก่อให้เกิดความร้อน เช่น งานเชื่อม งานเจียรไน หรืองานตัดโลหะ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ก่อให้เกิด ประกายไฟ ความร้อนสูง และสะเก็ดไฟ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยได้ หากไม่มีมาตรการควบคุมที่เหมาะสม
วิธีป้องกันไฟไหม้ในโรงงาน
1. ออกแบบโรงงานให้ปลอดภัยจากอัคคีภัย
การออกแบบโรงงานที่ดีสามารถช่วยลดความเสี่ยงของไฟไหม้ได้อย่างมาก โดยต้องคำนึงถึงการใช้วัสดุที่ทนไฟ การจัดวางอาคารให้เอื้อต่อการป้องกันอัคคีภัย และการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน
✅ เลือกใช้วัสดุทนไฟ
-
-
-
- โครงสร้างอาคารควรทำจาก คอนกรีตเสริมเหล็ก หรือเหล็กเคลือบสารกันไฟ เพื่อลดโอกาสที่ไฟจะลุกลาม
- ผนัง พื้น และเพดานควรใช้ วัสดุที่ไม่ติดไฟง่าย เช่น แผ่นฉนวนกันไฟ
-
-
✅ ติดตั้งระบบตรวจจับและระบายอากาศที่ได้มาตรฐาน
-
-
-
- ระบบตรวจจับควันและความร้อนควรเป็นไปตาม มาตรฐาน NFPA 72 (National Fire Alarm and Signaling Code, 2022)
- ระบบระบายอากาศที่ดีช่วยลดการสะสมของไอระเหยไวไฟและความร้อนสะสมที่อาจทำให้เกิดการลุกไหม้
-
-
✅ มีเส้นทางหนีไฟและทางออกฉุกเฉิน
-
-
-
- ทางออกฉุกเฉินต้องมีป้ายส่องสว่างและสามารถเข้าถึงได้ง่าย
- ต้องมีแผนผังหนีไฟที่พนักงานทุกคนเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามได้ในกรณีฉุกเฉิน
-
-
2. ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย
อุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมเพลิงไหม้ก่อนที่ไฟจะลุกลาม
✅ ติดตั้งเครื่องตรวจจับควันและความร้อน
-
- เครื่องตรวจจับควันและความร้อนช่วยแจ้งเตือนก่อนที่ไฟจะลุกลามไปทั่วโรงงาน
- ควรตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์เป็นประจำเพื่อให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
✅ ใช้ระบบฉีดน้ำอัตโนมัติ (Sprinkler System) ตามมาตรฐาน NFPA 13
-
- ระบบนี้สามารถช่วยควบคุมไฟไหม้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ลดความเสียหายและช่วยให้พนักงานมีเวลาหนีไฟ
✅ ติดตั้งเครื่องดับเพลิงชนิดที่เหมาะสม
เครื่องดับเพลิงแต่ละประเภทเหมาะกับไฟไหม้ที่แตกต่างกัน เช่น
-
- CO₂ Fire Extinguisher – ใช้สำหรับไฟไหม้จากไฟฟ้า เช่น ตู้ควบคุมไฟฟ้า เครื่องจักร
- Dry Chemical Fire Extinguisher – ใช้กับไฟไหม้จากของเหลวไวไฟ เช่น น้ำมัน แอลกอฮอล์
3. บำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องจักร
✅ ตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องจักรเป็นประจำ
-
- เครื่องจักรที่ใช้งานต่อเนื่องอาจเกิดความร้อนสะสม และกลายเป็นจุดเสี่ยงของไฟไหม้
- ควรมีตารางตรวจสอบสภาพเครื่องจักร และดำเนินการซ่อมบำรุงตามกำหนด
✅ ใช้ Thermal Scan ตรวจหาจุดที่มีความร้อนผิดปกติ
-
- กล้องตรวจจับความร้อนช่วยให้สามารถระบุจุดเสี่ยงของไฟไหม้ได้ล่วงหน้า ก่อนที่อุปกรณ์จะเกิดความร้อนสะสมจนเกิดเพลิงไหม้
✅ เปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพ
-
- อันตรายจากไฟฟ้า สายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เก่า อาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ควรเปลี่ยนใหม่เมื่อตรวจพบการเสื่อมสภาพ
- ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น IEC, UL หรือ มอก.
4. จัดการสารเคมีและวัสดุไวไฟ
✅ แยกเก็บสารเคมีไวไฟในพื้นที่ปลอดภัย
-
- ควรมีห้องเก็บสารเคมีที่แยกออกจากพื้นที่ผลิต
- ห้องเก็บสารเคมีต้องมีระบบระบายอากาศที่ดีเพื่อป้องกันการสะสมของไอระเหย
✅ ใช้ถังเก็บที่ได้มาตรฐาน OSHA และติดป้ายแจ้งเตือน
-
- วัสดุไวไฟต้องเก็บในภาชนะที่ได้มาตรฐาน เช่น Flammable Liquid Safety Cabinets
- มีป้ายเตือนอันตรายชัดเจน พร้อมระบุข้อควรระวังในการใช้งาน
✅ มีระบบระบายอากาศที่ดีในพื้นที่จัดเก็บสารเคมี
-
- การระบายอากาศที่เหมาะสมช่วยลดโอกาสที่ไอระเหยของสารเคมีจะติดไฟ
- อาจใช้ Explosion-Proof Ventilation Systems ในพื้นที่ที่มีสารไวไฟสูง
5. จัดเตรียมบุคคลากรดูแลเฉพาะ และจัดพื้นที่ให้เหมาะสมกับการทำงาน
เราขอยกตัวอย่างงานที่เกี่ยวข้องกับความร้อน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อารเกิดไฟไหม้ในโรงงาน ที่มากที่สุด
✅ จัดพื้นที่ทำงานที่เกี่ยวข้องกับความร้อน
-
- กำหนด Work Zone ให้ชัดเจน เช่น พื้นที่สำหรับงานเชื่อม งานตัดโลหะ และงานเจียรไน ควรอยู่ห่างจากวัสดุไวไฟหรือเชื้อเพลิงอย่างน้อย 10 เมตร หรือมีฉากกั้นกันสะเก็ดไฟ
- ใช้วัสดุป้องกัน เช่น ผ้าคลุมกันไฟ (Fire Blanket) หรือฉากกั้นที่เป็นวัสดุไม่ติดไฟ
- ตรวจสอบและทำความสะอาดบริเวณทำงานเป็นประจำ โดยกำจัดฝุ่นหรือเศษโลหะที่ติดไฟได้
✅ อุปกรณ์ป้องกันและดับเพลิงที่จำเป็น
-
- ติดตั้งถังดับเพลิงประเภทที่เหมาะสม เช่น CO₂ สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้า และสารเคมีแห้งสำหรับเชื้อเพลิงของแข็งหรือของเหลว
- มีอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ถังดับเพลิงแบบเคลื่อนที่ หรือระบบฉีดน้ำแบบพกพา
- ตรวจสอบอุปกรณ์ดับเพลิงให้พร้อมใช้งานเสมอ
✅ มาตรการด้านบุคลากร
-
- แต่งตั้ง Fire Watch Man (ผู้เฝ้าระวังไฟ) คอยตรวจสอบจุดเสี่ยงระหว่างและหลังจากทำงานเกี่ยวกับความร้อน
- พนักงานที่เกี่ยวข้องต้องผ่าน การอบรม Hot Work Safety และเข้าใจมาตรการป้องกันอัคคีภัย
- ออก Hot Work Permit ทุกครั้งก่อนเริ่มงาน โดยต้องได้รับอนุมัติจากผู้รับผิดชอบความปลอดภัย
- สำหรับผู้ที่เข้ามาทำงานตำแหน่ง ผู้เฝ้าระวังไฟ เองก้ต้องเข้าอบรมหลักสูตร ผู้เฝ้าระวังไฟ หรือ หลักสูตร Fire Watch Man ก่อน เพื่อมีความรู้ที่เพียงพอในการควบคุมดูแลความปลอดภัย
อ่านเพิ่มเติม : หน้าที่ผู้เฝ้าระวังไฟ
6. จัดฝึกอบรมให้กับพนักงาน และซ้อมแผนฉุกเฉิน
✅ อบรมเกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัย
-
- ฝึกอบรมให้พนักงานรู้จักประเภทของเพลิงไหม้และเครื่องดับเพลิงแต่ละชนิด
- สอนวิธีใช้ Fire Extinguisher PASS(Pull, Aim, Squeeze, Sweep) อย่างถูกต้อง
- อบรมการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุ เช่น การแจ้งเหตุไฟไหม้ การใช้อุปกรณ์ป้องกันควันไฟ และเส้นทางอพยพ
- โดยปกติแล้วนายจ้าง ต้องจัดให้พนักงานไม่น้อยกว่า 40% เข้าอบรมหลักสูตรดับเพลิงขั้นต้น เพื่อเรียนรู้วิธีการใช้งานเครื่องมือดับเพลิงที่ถูกต้อง สามารถใช้งานได้จริงเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้
✅ ซ้อมแผนฉุกเฉิน (Fire Drill)
-
- ซ้อมอพยพหนีไฟ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยจัดให้พนักงานทุกแผนกเข้าร่วม
- จัดทำแผนที่เส้นทางหนีไฟ และติดตั้งป้ายไฟทางออกฉุกเฉินให้มองเห็นชัดเจน
- ซ้อม การติดต่อหน่วยดับเพลิง และวิธีช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ
- ประเมินผลและปรับปรุงแผนฉุกเฉินให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของโรงงาน
✅ อบรมหลักสูตรเฉพาะก่อนทำงานจริง
ในบางงานพนักงานควรมีความรู้พื้นฐานก่อนปฏิบัติงาน เพื่อความปลอดภัยในการทำงานของตนเอง และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เช่น อบรมการทำงานกับสารเคมี, อบรมรถยก, อบรมการทำงานกับไฟฟ้า, และอื่นๆ ที่กฎหมายกำหนด
กฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง
การป้องกันไฟไหม้ในโรงงานต้องดำเนินการตามกฎหมายและมาตรฐานที่กำหนด เช่น:
- พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 – กำหนดมาตรฐานโครงสร้างอาคารและระบบป้องกันอัคคีภัย
- มาตรฐาน NFPA (National Fire Protection Association) – ครอบคลุมระบบดับเพลิงและการป้องกันไฟไหม้ในโรงงาน
- ประกาศกระทรวงทุตสาหกรรม เรื่อง การป้องกันและระงับอัคคีภัยในโรงงาน พ.ศ. 2552 – กำหนดให้สถานประกอบการต้องมีมาตรการป้องกันอัคคีภัย
สรุป
การป้องกันไฟไหม้ในโรงงานเป็นหน้าที่ของทุกฝ่าย แต่สาเหตุหลักๆที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ในโรงงาน คือกระบวนการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความร้อน ทำใ้หบทบาทของ ผู้เฝ้าระวังไฟ มีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากต้องตรวจสอบความเสี่ยงและดำเนินมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด การมีระบบป้องกันอัคคีภัยที่ได้มาตรฐาน ควบคู่ไปกับการฝึกอบรมที่เหมาะสม จะช่วยลดโอกาสเกิดไฟไหม้ และปกป้องชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- National Fire Protection Association (NFPA). (2022). NFPA 13: Standard for the Installation of Sprinkler Systems.
- Occupational Safety and Health Administration (OSHA). (2021). Fire Prevention Plans.
- FM Global. (2023). Fire Risk Management Guidelines for Industrial Facilities.
- International Building Code (IBC). (2021). Fire Safety Standards for Industrial Buildings.